Wednesday, 28 December 2011

ก้อนหิน ดิน ทราย...


้ก้อนหิน ดิน ทราย เราเหยียบย่ำ เราทำลาย โดยหาให้ความสำคัญไม่
แต่พอนำก้อนหิน ดิน ทราย เหล่านั้น มาหล่อหลอมรวมกัน เป็นพระพุทธรูป
เรา..กลับกราบไหว้บูชา ก้ิอนหิน ดินทราย ในร่างลักษณ์รูปปั้นนั้น อย่างเคารพนบนอบ
...เพราะรูปแบบที่เปลี่ยนไป เจตนาจึงเปลี่ยนตาม ความรู้สึกนึกคิดคล้อยตามในสิ่งที่ปรากฏ
คนเรานั้น เชื่อง่าย ยึดถือรูปแบบมากว่าความลึกซึ้งที่แอบแฝง
ความเป็นจริง หินคือหิน ทรายเป็นทราย ไม่สามารถที่จะกลายร่างเองเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้
ไม่สามารถที่จะ " ให้ " อะไรกับใครได้
จนกว่าจะมีใคร ..ทำให้เป็น
พระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ ที่ผสมศิลปะจนกลายมาเป็นสิ่งที่งดงาม น่าเลื่อมใส
แต่สิ่งที่อยู่..ลึก..เข้าไปในพระพุทธรูปต่างหาก คือสิ่งที่เราควรทำความเข้าใจ
เราเคารพพระพุทธองค์ แต่เราไม่เข้าใจในสิ่งที่พระพุทธองค์ท่านตรัสสั่งสอน
เรามีเวลามากมายที่จะทำเรื่อง...ร้อน
แต่ไม่มีเวลาที่จะศึกษาหาหนทางไปพบเรื่อง...เย็น
มนุษย์เชื่อในสิ่งที่เห็น เชื่อในคำบอกเล่า เชื่อคำโฆษณา
โดยไม่รู้เลยว่า แท้จริงแล้วนั้นพระพุทธองค์สอนให้เราตื่น
ตื่นรู้กับความจริงในชีวิตขณะ
เราเสียเวลาที่จะศึกษาหาธรรมะจากตำราและคัมภีร์ต่างๆมากมาย
แต่เราไม่เคยน้อมเข้ามาดูใจของตนเองเลยสักนิด
พระธรรมแท้นั้นอยู่ที่ใจ พระพุทธองค์ตรัสรู้ที่...ใจ
เราจึงควรน้อมเข้ามาดูใจถึงจะถูกต้อง
มนุษย์กราบไหว้อะไรมากมาย เพียงเพื่อหาหนทางยึดเหนี่ยว เพียงเพื่อหาที่พึ่ง
แต่ไม่อุดมด้วยปัญญาเลยสักนิด.

No comments:

Post a Comment

ธรรมะมิใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง เป็นของทุกคน โปรดช่วยกันดูแล ชี้แนะแนวทาง เป็นกุศล
มุิตาจิต เผยแผ่ต่อทุกสรรพสัตว์