Wednesday, 28 December 2011

ทางเลือกของเมล็ดพันธ์




เหมือนเมล็ดพืช ที่แตกโพล๊ะออกมาสูดอากาศข้างนอก
รับรู้ถึง...อิสระ รับรู้ถึง...ฟ้ากว้าง
แต่ด้อยเดียงสาในหนทางเดิน
เมล็ดใดที่ตกไปในที่ดินอุดมสมบูรณ์ย่อมเติบโตผลิดอกออกผล แผ่ขยายเผ่าพันธ์ต่อไปในอนาคต
ส่วนเมล็ดที่ตกไปในที่แห้งแล้งกันดาน สภาพไม่เหมาะสมที่จะเจริญเติบโต ก็ย่อมที่จะเหี่ยวแห้งเฉาตายไปในที่สุด
ชีวิต...ก็เหมือนเมล็ดพืช
วันหนึ่งที่ตระหนักรู้ ถึงความไม่จีรังของสรรพสิ่ง
ธาตุรู้ในรางกายและจิตใจ ก็หาหนทางออกมาจากห้วงเหว
สูดกลิ่นไอของพระสัจธรรม
ทว่าก็ยังเคว้งคว้าง ต่อเส้นทาง " ใหม่" ที่พบเจออยู่
ไม่รู้ว่า จะใช่หรือไม่อย่างไร?
จำเป็นที่จะต้อง " อยู่ " เพื่อให้ "รู้" ถึงที่สุด
เพื่อการเจริญเติบโต เป็นชีวิตที่แข็งแกร่ง
ไม่แยแส ต่อสุข ต่อทุกข์ ในเบื้องหน้า
ชั่วชีวิตนี้ จะต้อง " ตื่น " ให้ได้
ต้องเป็นเมล็ดพันธ์ดี ไม่ลีบตีบตับ ตายจากไปอย่างไร้ค่า
ขอตั้งปณิธาน.

ดวงใจพ่อแม่

แม้แต่พระพุทธองค์ ก็ยังไม่เคยบังคับใครให้เชื่อในสิ่งที่พระองค์ตรัส
พระองค์สอนให้ผู้อื่นรู้และปฏิบัติตามเท่านั้น
คนที่เป็นพ่อเป็นแม่..
จึงควรทำหน้าที่สั่งสอนอบรมลูกให้รู้จักดีชั่ว
แนะนำแนวทางให้ลูกหลานนำไปปฏิบัติ
เพื่อพบกับความเจริญรุ่งเรือง
เป็นบุคคลที่มีคุณภาพทั้งกายวาจาใจ
แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผู้กำหนดชะตาและลมหายใจของลูก
ไม่มีใครอิ่มแทนใครได้หรอก ทุกอย่างมันต้อง " รู้ " ได้เฉพาะตน เท่านั้น
เป็น ปัจจัตตัง ดังที่พระศาสดาสั่งสอน.

ก้อนหิน ดิน ทราย...


้ก้อนหิน ดิน ทราย เราเหยียบย่ำ เราทำลาย โดยหาให้ความสำคัญไม่
แต่พอนำก้อนหิน ดิน ทราย เหล่านั้น มาหล่อหลอมรวมกัน เป็นพระพุทธรูป
เรา..กลับกราบไหว้บูชา ก้ิอนหิน ดินทราย ในร่างลักษณ์รูปปั้นนั้น อย่างเคารพนบนอบ
...เพราะรูปแบบที่เปลี่ยนไป เจตนาจึงเปลี่ยนตาม ความรู้สึกนึกคิดคล้อยตามในสิ่งที่ปรากฏ
คนเรานั้น เชื่อง่าย ยึดถือรูปแบบมากว่าความลึกซึ้งที่แอบแฝง
ความเป็นจริง หินคือหิน ทรายเป็นทราย ไม่สามารถที่จะกลายร่างเองเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ได้
ไม่สามารถที่จะ " ให้ " อะไรกับใครได้
จนกว่าจะมีใคร ..ทำให้เป็น
พระพุทธรูปเป็นตัวแทนของพระพุทธองค์ ที่ผสมศิลปะจนกลายมาเป็นสิ่งที่งดงาม น่าเลื่อมใส
แต่สิ่งที่อยู่..ลึก..เข้าไปในพระพุทธรูปต่างหาก คือสิ่งที่เราควรทำความเข้าใจ
เราเคารพพระพุทธองค์ แต่เราไม่เข้าใจในสิ่งที่พระพุทธองค์ท่านตรัสสั่งสอน
เรามีเวลามากมายที่จะทำเรื่อง...ร้อน
แต่ไม่มีเวลาที่จะศึกษาหาหนทางไปพบเรื่อง...เย็น
มนุษย์เชื่อในสิ่งที่เห็น เชื่อในคำบอกเล่า เชื่อคำโฆษณา
โดยไม่รู้เลยว่า แท้จริงแล้วนั้นพระพุทธองค์สอนให้เราตื่น
ตื่นรู้กับความจริงในชีวิตขณะ
เราเสียเวลาที่จะศึกษาหาธรรมะจากตำราและคัมภีร์ต่างๆมากมาย
แต่เราไม่เคยน้อมเข้ามาดูใจของตนเองเลยสักนิด
พระธรรมแท้นั้นอยู่ที่ใจ พระพุทธองค์ตรัสรู้ที่...ใจ
เราจึงควรน้อมเข้ามาดูใจถึงจะถูกต้อง
มนุษย์กราบไหว้อะไรมากมาย เพียงเพื่อหาหนทางยึดเหนี่ยว เพียงเพื่อหาที่พึ่ง
แต่ไม่อุดมด้วยปัญญาเลยสักนิด.

คนความคิด




น้ำที่ใสสะอาดเท่านั้น ที่จะสะท้อนสิ่งที่มากระทบ...ได้ชัดที่สุด
ใจ...ที่ใสสว่าง..เท่านั้น ที่จะมองเห็นทางออกของปัญหา