Saturday, 27 August 2011
Thursday, 25 August 2011
เราเบื่อโลกหรือโลกเบื่อเรา
.....คนเราเวลามีอะไรที่ไม่ถูกใจ ก็มักจะเกิดอาการ...เบื่อ เบืื่อโน่นนี่ บางทีเบื่อโดยที่ตัวเองก็ยังไม่ทราบด้วยซ้ำไปว่าเบื่ออะไร และเพราะอะไรถึงเบื่อ เราหาเหตุผลต่างๆนานามาสมทบความรู้สึกเบื่อที่มี เพื่อให้ตัวเองรู้สึกว่าถูกต้อง แต่เราไม่สามารถป้องกันและกำจัดการเบื่อในครั้งต่อไปได้ ...โดยถูกวิธี บางครั้ง... เราเบื่อผู้คน เบื่อโลก เบื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆตัวเรา โดยที่เราไม่เคยฉงนใจนึกเลยว่า แล้วสิ่งต่างๆที่เราเบื่อนั้น รับรู้หรือเปล่า? สนใจหรือเปล่า? ทุกข์ร้อนหรือเปล่า? แล้วสิ่งเหล่านั้น มีอาการเดียวกับที่เรากำลังรู้สึกอยู่หรือไม่? โลกกว้างใหญ่ไพศาล เราเป็นเพียงธุลีเล็กๆที่อยู่บนโลกนี้ โลกขาดเรา โลกไม่รู้สึกอะไร แต่ทว่าถ้าหากเราไม่มีโลกนี้อยู่อาศัย เราอยู่ไม่ได้ ...คนส่วนมากสำคัญตัวเองผิดเสมอ...
Monday, 22 August 2011
สัจจะ
สัจจะ ... เป็นเรื่องง่ายๆที่ทุกคนสามารถที่จะประพฤติปฏิบัติโดยที่ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมาก แต่ผลตอบแทนนั้น มากมายมหาศาล การรักษาคำพูด ก็คือการรักษาสัจจะนั่นเอง การที่เราไม่พูดโกหก การที่เราทำตามคำพูดที่ตัวเองเคยพูดไว้ นั่นก็หมายถึงเรารักษาสัจจะได้แล้ว คนที่เป็นลูกน้อง เมื่อเป็นคนรักษาสัจจะ เจ้านายก็รัก ไว้ใจ ให้ผลตอบแทนด้วยอัตราเงินเดือนที่สูง เพื่อนร่วมงานก็รัก มีความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน เพราะมีคนสนับสนุน มีแต่คนรักเพราะไม่ผิดคำพูดใคร? คนที่เป็นเจ้าคนนายคน ไม่ได้หมายความว่ามีเงินแล้วจะเป็นเจ้าคนนายคนได้ ยังมีอีกมากมายหลายคุณสมบัติ ที่คนเป็นเจ้านายจำเป็นต้องมี และต้องมีมากกว่าคนที่เป็นลูกน้องหลายเท่า เมื่อเจ้านายรักษาสัจจะลูกน้องจะรัก เคารพ ศรัทธา การทำงานก็จะยอมตายถวายหัว ผลงานที่ได้ก็จะเต็มร้อย ส่วนเจ้านายประเภทที่ไม่รักษาคำพูด พูดกลับไปกลับมา คำสั่งเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ลูกน้องก็หมดความเชื่อถือ ทำงานไปเหมือนหุ่นยนต์ ไม่มีความเชื่อมั่น ไม่มีพัฒนาการใดๆในด้านบวก ทำงานไปตามคำสั่ง ไม่สั่งไม่ทำไม่คิด การทำงานก็ไร้ประสิทธิภาพ และเมื่อเจ้านายประเภทนี้ ยังไม่รู้สึกตัว ยังกล่าวโทษลูกน้องที่ผลงานตกต่ำ นั่นก็หมายถึงหายนะ
สัจจะหรือการรักษาคำพูด จึงเป็นสิ่งที่มีผลมากมายมหาศาล ทั้งด้านดีและไม่ดี คำสอนที่มีมาหลายพันปี ยังใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ และตลอดไป
สัจจะหรือการรักษาคำพูด จึงเป็นสิ่งที่มีผลมากมายมหาศาล ทั้งด้านดีและไม่ดี คำสอนที่มีมาหลายพันปี ยังใช้ได้จนถึงทุกวันนี้ และตลอดไป
Friday, 19 August 2011
ความไม่จีรัง
อะไรๆก็เปลี่ยนแปลงได้หมด แม้แต่กาลเวลาก็ไม่ยกเว้น ทุกอย่างล้วนไม่คงที่ อันนี้เป็นกฏตายตัวของธรรมชาติ ในโลกของวัฏฏะสงสาร ถือว่าเป็นเรื่องปรกติ แต่ในโลกของมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงมักก่อให้เกิดปัญหาที่ตัวเองรับไม่ได้ ไม่ทันตั้งรับ หรือ ไม่อยากรับรู้ใดๆ เพราะการเปลี่ยนแปลงมักมีผลร้ายมากกว่าผลดี " มากกว่า " ไม่ได้แปลว่า "ไม่มี "ดังนั้น เราจึงไม่ควรกลัวความเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นตอนใหน อย่างไร กับใคร มากน้อยเพียงไร เพราะการเปลี่ยนแปลงเป็นนิรันด์ เราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงพ้น
เพราะฉนั้น เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสติเถิด
เพราะฉนั้น เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสติเถิด
Thursday, 18 August 2011
...กับดัก
คนเมืองใหญ่
น้อยคนนักที่จะรู้จักธรรมชาติ รู้จักณ.ที่นี้หมายถึงรู้จักจริงๆ มิใช่พบ มิใช่เห็น หรือแค่ได้ยินได้ฟังมา ดังนั้นแล้วคนเมืองใหญ่จำนวนเหล่านี้จึงไม่สามารถเข้าใจกฏแห่งธรรมชาติได้อย่างถูกต้องและถ่องแท้
คนชนบท...ส่วนมาก
วิ่งไขว่คว้าหาเงินตราและความสำเร็จ ที่เข้าใจไปเองว่า มีอยู่ในเมืองใหญ่ จนลืมและไม่เข้าใจกฏแห่งธรรมชาติ
ความแตกต่างและความไม่เข้าใจนี่เองที่เป็นตัวกำหนดให้คนหลงทาง จนไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้โดยปรกติสุขและปราศจากทุกข์
ต่างคนต่างไม่เข้าใจ
ต่างคนต่างติดกับดัก
กับดักที่ตัวเองกำหนดขึ้น สร้างขึ้น อาจจะด้วยความไม่รู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตามแต่
ทว่าเมื่อเดินหลงทางแล้วก็ยากที่จะหวนกลับปีนป่ายให้พ้นวังวนเหล่านั้นได้โดยง่าย
เพราะความหลงนั้นพิษร้ายกาจมาก
รวมไปถึงมนุษย์นั้นชอบเดินทางและค้นหา แต่ไม่ชอบมีผู้นำ ไม่ชอบมีพี่เลี้ยง
ทั้งๆที่โลกนี้มีพี่เลี้ยงมานานแล้วกว่าสองพันห้าร้อยปีก็ตาม
มนุษย์จึงหลงทางกันวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า จนยาวนานตลอดชีวิต.....
น้อยคนนักที่จะรู้จักธรรมชาติ รู้จักณ.ที่นี้หมายถึงรู้จักจริงๆ มิใช่พบ มิใช่เห็น หรือแค่ได้ยินได้ฟังมา ดังนั้นแล้วคนเมืองใหญ่จำนวนเหล่านี้จึงไม่สามารถเข้าใจกฏแห่งธรรมชาติได้อย่างถูกต้องและถ่องแท้
คนชนบท...ส่วนมาก
วิ่งไขว่คว้าหาเงินตราและความสำเร็จ ที่เข้าใจไปเองว่า มีอยู่ในเมืองใหญ่ จนลืมและไม่เข้าใจกฏแห่งธรรมชาติ
ความแตกต่างและความไม่เข้าใจนี่เองที่เป็นตัวกำหนดให้คนหลงทาง จนไม่สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้โดยปรกติสุขและปราศจากทุกข์
ต่างคนต่างไม่เข้าใจ
ต่างคนต่างติดกับดัก
กับดักที่ตัวเองกำหนดขึ้น สร้างขึ้น อาจจะด้วยความไม่รู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตามแต่
ทว่าเมื่อเดินหลงทางแล้วก็ยากที่จะหวนกลับปีนป่ายให้พ้นวังวนเหล่านั้นได้โดยง่าย
เพราะความหลงนั้นพิษร้ายกาจมาก
รวมไปถึงมนุษย์นั้นชอบเดินทางและค้นหา แต่ไม่ชอบมีผู้นำ ไม่ชอบมีพี่เลี้ยง
ทั้งๆที่โลกนี้มีพี่เลี้ยงมานานแล้วกว่าสองพันห้าร้อยปีก็ตาม
มนุษย์จึงหลงทางกันวันแล้ววันเล่า ปีแล้วปีเล่า จนยาวนานตลอดชีวิต.....
อย่าลืม...
อย่าลืมว่า...เรามิใช่มนุษย์เพียงคนเดียวที่ยืนอยู่บนโลกใบนี้ มนุษย์คนอื่น ก็มีสิทธิ์เท่าเทียมกับเราในการที่จะยืน..จะใช้ชีวิตเหมือนกับที่เราใช้ ไม่มีเหตุผลใดๆทั้งสิ้นเลยที่เราจะเอาคำว่า ใช่ไม่ใช่ ดีไม่ดี สวยไม่สวย หล่อไม่หล่อ ชนกลุ่มน้อย ชนกลุ่มใหญ่ คนไร้รากหรือคนเมืองศิวิไลย์ คนจนหรือคนรวย มาเป็นเครื่องชั่งตวงวัดความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น อย่าตัดสินคนอื่นตามที่ได้ยินได้ฟังมา อย่าพิจารณาความเป็นคนจากความชอบไม่ชอบ อิฐก้อนสุดท้ายที่เรามองไม่เห็น ก็เป็นอิฐก้อนแรกที่ทำให้เรามีที่ยืน ทุกอย่างล้วนมีคุณค่าอยู่ในตัวของมันเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีคนต้องการ หรือไม่ต้องการ การอยู่ร่วมกัน จึงเป็นคำที่ไพเราะที่สุด " ร่วมกัน " ดอกไม้หลากสี เมื่อมารวมกันกลายเป็นพวงมาลัยถวายเป็นพุทธบูชา เมื่อไรก็ตามที่เกิดความเหลื่อมล้ำ ความอยุติธรรมก็จะเข้ามา เมื่อนั้น โลกก็ประสบกับหายนะ...
แล้วมันก็จะผ่านไป
ไม่ว่าเรื่องอะไร...ความสุข ความทุกข์
ไม่มีอะไรที่จะดำรงอยู่ได้โดยไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่มีอะไรจะอยู่กับที่ได้โดยไม่จากลาพลัดพราก
พระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก
พระอาทิตย์ตก พระอาทิตย์ขึ้น
เป็นแบบนี้มานานแสนนาน และตลอดไป
มีผู้คนล้มหายตายจากทุกเวลา มีคนถือกำเนิดขึ้นมาในโลกอย่างต่อเนื่องทุกนาที
วนเวียนไปเช่นนี้เป็นวัฏจักร
แล้วมัน...ก็จะผ่านไป
แล้วมันก็จะวนเวียนกลับมา
เข้าใจ ความจริง แล้วจะพบ ความจริง
ความจริงที่ไม่ต้อง...เพลินสุข ลืมทุกข์
หรือจมทุกข์ ไร้สุข ชั่วนาตาปี
วันหนึ่งก็จะเข้ามา วันหนึ่งก็จะออกไป อย่าไปอาวรณ์อาลัย กับ ทุกสรรพสิ่งเลย.
" เรา "
คนเรานั้นที่แท้แล้ว
ไม่เคยมีใครทำอะไรผิด
ความไม่รู้ต่างหาก ที่ทำให้คนเราทำผิด
จงอภัยให้ตัวเอง
แต่อย่าอภัยให้กับความ ไม่รู้
ทำลายมันเสีย กำจัดมันเสีย.
แต่...
แม้แต่ความไม่รู้ ก็มีประโยชน์
เพราะเมื่อเรารู้แล้วว่าเรา ไม่รู้
เราก็จะพยายามที่จะทำความพยายามให้ตัวเอง รู้
คนที่รู้ ใน ความไม่รู้ ยังดีกว่าคนที่ ไม่รู้ ใน รู้
การให้
คนหนึ่งคน... เป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ในขณะหนึ่งเดียวกัน ไม่มีอะไรที่ให้แล้วไม่รับ รับแล้วไม่ให้ เมื่อรับแล้วก็อย่าลืมให้ เมื่อให้แล้วก็อย่าลืมตอนรับ เพราะเวลาที่เราให้ จะได้เข้าใจว่า คนอื่น เวลาที่รับแล้ว เขามีความรู้สึกอย่างไร อย่ามีความสุขคนเดียว แล้วเราจะไม่เศร้าคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน...สิ่งของ...เงินทอง...ความรู้สึก...ล้วนแล้วแต่มีคุณค่าทางจิตใจทั้งนั้น
Wednesday, 17 August 2011
ต่อเติม
เราต่อเติมความ..."ไม่พอ"...อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่ว่าความไม่พอทางกาย ทางวาจา ทางใจ โดยไม่สงสารร่างกายตัวเอง อันเป็นสิ่งที่เปราะบาง โดยไม่สนใจจิตวิญญาณที่ต้องการความเรียบง่าย แต่เราก็ไม่เคยรู้ หรือเรารู้แต่เราไม่ใส่ใจ เราถูกชักลากจาก..กิเลส จนก่อให้เกิดตัณหา นำพาไปสู่ความไม่พอ เมื่อไหร่ที่เราจะเลิกต่อเติม เมื่อไหร่ที่เราจะพอ อีกนานไหม?ที่จะเลิกทำร้ายตัวเอง...?????????
เวลาว่าง
เรื่องเวลา... เป็นสิ่งเดียวที่เราไม่อาจจะดึงกลับมาได้ ไม่มีอะไรทดแทน ผ่านไปแล้วก็ย่อมผ่านเลยไป ในระหว่างที่ชีวิตอยู่ท่ามกลางเวลา เราใช้ชีวิตอย่างไร?ให้คุ้มค่าที่สุดในขณะนั้น หากไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่ การบอกเล่าเรื่องราวดีๆ ข้อคิด คติธรรม ก็เป็นความดีอีกชนิดหนึ่งที่เราสามารถทำได้โดยไม่เดือดร้อน ทำเถอะ...ก่อนที่เราจะไม่มีโอกาสได้ทำ
ธรรมดา ธรรมชาติ
เมื่อเราเจ็บปวด ผิดหวัง ท้อแท้ หรือมีเรื่องไม่สะบายใจใดๆ ก็ไม่ควรที่จะจ่อมจมอยู่กับความรู้สึกเหล่านั้นนานเกินไป ความสุขหรือความทุกข์มันอยู่คนละขั้วก็จริง แต่มันก็เป็นเพื่อนสนิทกัน เมื่อเราไขว่คว้าหาความสุขสมหวัง เราก็ย่อมได้ความทุกข์มาเป็นของแถม เช่นกันเมื่อเรามีความทุกข์ ความสุขก็มาเป็นแพ็คคู่เช่นกัน ส่วนอะไรที่อยู่กับเราได้นานหรือไม่นาน ทุกอย่างมันมีวาระของมัน เพราะว่าทุกสรรพสิ่งไม่มีอะไรจีรัง เราอย่าหลงความสุข อย่าหมกมุ่นจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ เพราะมันย่อมผ่านไปในไม่ช้า หากเราเข้าใจกฏของธรรมชาติ กฏของแก่นธรรม เราก็จะไม่ทุรนทุรายใดๆกับสิ่งที่เข้ามาในชีวิต อยู่กับสิ่งทั้งมวลอย่างมีความสุข อย่างเข้าใจ ขอสิ่งดีๆจงปรากฏ...
เรื่องของคน
ความที่เป็น " คน " เลยมีเรื่องให้ " คน " ตลอด เราเคยได้ยินคำนี้มา " คนเหมือนคน แต่ไม่เหมือนคน " พอเรานำมาใช้ต่อ คนที่ฟังงงเป็นไก่ตาแตก แม้แต่คนที่เรียนจบสูงๆ มีปริญญาหลายใบ ก็ยังไม่เข้าใจ คำๆนี้ กลายเป็รว่าเราเป็นพวกพูดไม่รู้เรื่อง บ้าๆบอๆ เออ นั่นดิ เราบ้าเปล่านะ ....
เมื่อเราเจ็บปวด...ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่รู้สึก และก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องประกาศให้โลกรู้ คนเรา...มีทางเลือกเสมอ แม้บางครั้ง...เราจะไม่รู้จักทางนั้นเลยก็ตาม แล้วเราก็ต้องเดินไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทางใหนๆก็ล้วนแล้วแต่อันตรายทั้งสิ้น หากเราไม่มีสติประคับประคองตัวเรา ...ความกลัวนั่นเอง ที่ทำให้เราเจ็บปวดยิ่งกว่า...
Subscribe to:
Posts (Atom)